วันพฤหัสบดีที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

การจากลา

การจากลาครั้งนี้ ไม่มีใครผิดและไม่มีใครถูก ทั้งสองเลือกทางเดินชีวิตของตนเองอย่างยุติธรรม เมื่อพบว่าการคบกันต่อไป ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ อีกทั้งมีค่าเท่ากันเสียด้วยซ้ำ หรืออาจจะดีกว่า เพราะการทะเลาะเบาะแว้งจะไม่มีเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ความเสียใจ---ต้องมีบ้างเป็นธรรมดา เพราะความสัมพันธ์มันมีมายาวนานร่วม 7-8 ปีได้ แต่ความเสียใจก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันซักเท่าไหร่ เพราะทุกอย่างก็ต้องดำเนินไปเช่นเดิม เริ่มจาก ตื่นนอนก็แค่ตั้งนาฬิกาปลุกเองก็เท่านั้น นอกจากนั้นก็ดำเนินไปตามปกติ ทุกวันก็เดินคนเดียว กินข้าวคนเดียวเสมอ อยู่แล้ว แทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆเลยที่เข้ามาส่ชีวิต ดังนั้น ก็คงเป็นเรื่องธรรมดาไปเสียแล้วในเรื่องของการจากลาในครั้งนี้

วันพฤหัสบดีที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

คำพิพากษา

เมื่อวานได้อ่านหนังสือ มือรางวัลของ ชาติ กอบจิตติ ซึ่งก็เป็นเรื่องอื่นเป็นไม่ได้ นอกจากเรื่อง คำพิพากษา ซึ่งได้ทำเป็นภาพยนตร์แล้ว อย่างเป็นที่รู้จักกันในเรื่อง "ไอ้ฟัก" แต่ด้วยสมัยที่ทำเป็นบทภาพยนตร์ไม่ได้มีโอกาสได้ดู เพราะเป็นคนไม่ชอบดูหนัง ส่วนหนังสือก็ไม่เคยอ่าน เนื่องจากเป็นคนไม่ชอบอ่านนิยาย หรือ เรื่องสั้นใดๆ ทั้งสิ้น เพราะชีวิตประจำวันวุ่นวายเกี่ยวกับการช่วยพ่อแม่ทำมาหากินอยู่ กระทั่งมาเรียน วิชาบรรณาธิการ อาจงอาจารย์ก็บอกกล่าวให้ไปหา หนังสือมือรางวัลมาอ่านซะบ้างในเมื่อเรียนสาขาบรรณาธิการแล้วก็ต้องรู้จักหนังสือดีดีให้มาก แต่กระนั้นก็ไม่รู้สึก เพราะด้วยความที่เป็นคนไม่เคยอ่านหนังสือที่เป็นเรื่องแต่งอยู่แล้ว ไม่ชอบ เพราะเนื้อเรื่องมันดำเนินไปอย่างเชื่องช้าเสียเหลือเกิน ก็เลยไม่คิดที่จะอ่าน กระทั่งมาเรียนปริญญาโทยันปี 2 แล้ว ต้องทำวิทยานิพนธ์แล้ว เกิดมีความสนใจเรื่องปรัชญา Exsitentialist หรือ ปรัชญาลัทธิ อัตถิภาวะนิยม ก็เลยคิดที่จะขวนขวายงานที่เกี่ยวกับเอ็กซิสต์มาอ่าน ค้น Google ก็ได้ไปเจอวิกิพีเดียของ ชาติ กอบจิตติ ว่าได้นำแนวคิดทางด้านปรัชญาอัตถิภาวะนิยมมาเขียนในนิยาย เรื่องสั้นได้อย่างแนบเนียน ก็เลยกระเตื้องขึ้นมาหน่อย ว่าเราควรที่จะทำความรู้จักนิยายเรื่องนี้ได้แล้วนะ เลยไปยืมมาอ่าน เล่มนิดเดียว อ่าน 3 วันกว่าจะจบเล่ม สมเพชตัวเองจริงๆ เรียนยันปริญญาโทแล้ว อ่านหนังสือช้ามาก แต่ก็รู้สึกดี ที่สามารถฝืนตัวเองอ่านหนังสือนิยายได้จบเล่ม เมื่ออ่านจบ ดันมีคำถามคาใจอีกว่า แล้วมันเกี่ยวกับชื่อเรื่องตรงไหนวะ "คำพิพากษา" ในเมื่อไม่มีใครเขาพิพากษามันซะหน่อย ไม่มีใครเขาตัดสินหรือบังคับขู่เข็ญมันซะหน่อย ทุกอย่าง ไอ้ฟักมันเลือกเองนี่นา มันเลือกที่จะเลี้ยงดูอีสมทรงเอง ทั้งๆที่มันจะปล่อยทิ้งเลยก็ได้ หรือมันจะส่งอีสมทรงไปไว้โรงพยาบาลบ้าก็ได้ เรื่องเหล่านี้ยังคาใจข้าพเจ้าอยู่ หากนักอ่านท่านใดผ่านเข้ามา ช่วยชี้แจงแถลงไข ความหมายที่ซ่อนอยู่ ที่เจ้าของบล็อคยังค้นหามันไม่เจอให้ด้วยนะคะ ส่วนท่านที่ยังไม่มีเวลาอ่าน ดิฉันจะขอเล่อเรื่องย่อ แบบสปอยกันไปให้เต็มที่ไปเลยค่ะ



เรื่องย่อ
           ไอ้ฟัก เป็นภารโรงอยู่ในโรงเรียนแห่งหนึ่งในชนบทมาก แต่มีแม่เลี้ยงเป็นคนบ้า สติสตางค์ไม่ดี แต่ฟักต้องรับเลี้ยงแม่เลี้ยงที่สติสตางไม่ดีนั้นจนสิ้นชีวิต แม่เลี้ยงชื่ออีสมทรง (เจ้าของบล็อคขอใช้สรรพนามแม่เลี้ยงไอ้ฟักว่า "อีสมทรง" เพื่อให้เห็นถึงความไม่มีเกียรติและศักดิ์ศรีเลยของคนบ้า และนี่ไม่มใช่เวลาต้องมามีมารยาทกัน) เนื่องจาก พ่อของฟักไปเก็บ อีสมทรง มาจากในเมือง แล้วเอามาทำเมีย อยู่กระต๊อบเดียวกันกับฟัก  เมื่อพ่อตาย ฟักก็ไม่รู้จะเอา อีสมทรง ไปไว้ที่ไหน เพราะไม่มีใคร อยากจะรับเลี้ยงคนบ้าหรอก ฟักจึงต้อง รับเลี้ยง อีสมทรง เรื่อยมา แต่ด้วยความที่เป็นคนจน อยู่กระต็อบเดียวกันทั้งวันทั้งคืน ชาวบ้านก็ชอบนินทาหาว่า ฟัก เอาเมียพ่้อทำเมีย ด้วยความที่ฟัก เป็นคนจน ไม่มีเกียรติมีศักดิ์ศรี พูดอะไรไปใครเขาก็ไม่เชื่อ (ความจริงฟัก ไม่เคยเอาอีสมทรงทำเมียเลย ) พูดไปสองไพเบี้ย ฟักเลยไม่เถียงและโต้แย้งอะไรใครทั้งสิ้น มุ่งหน้าทำหน้าที่ของตนไป คนไหนเลี่ยงได้ก็เลี่ยง วันหนึ่งฟักอยากจะเอาเผาศพพ่อตัวเอง ที่เก็บไว้ในคลังของวัด เพราะพอจะมีเงินทำศพแล้ว ฟักได้ฝากเงินเดือนแต่ละเดือนของตนไว้ที่ครูใหญ่ของโรงเรียน ฟักไปเบิกเงินจากครูใหญ่เพื่อมาทำศพพ่อ และไปเชิญ สัปเหร่อ มาทำพิธีเผาศพ แต่วันนั้นไม่มีใครมางานเผาศพพ่อของฟักเลย คนทั้งหมู่บ้านติดธุระส่วนตัวกันหมด ฟักเริ่มมีความชัดเจนต่อชะตากรรมชีวิตของตัวเอง เมื่อเปรียบเทียบกับงานศพของคนอื่นๆ ในหมู่บ้าน ซึ่งมีคนมาร่วมงานตั้งมากตั้งมาย สัปเหร่อจึงดับความเครียดของฟักด้วยสุรา ฟักได้เริามลิ้มรสสุราครั้งแรก และได้ค้นพบว่า ฤทธิ์ของสุรานอกจากจะทำให้เมาแล้ว ยังทำให้เขานอนหลับสบายอีกด้วย เพราะไม่ต้องคิดมากก่อนนอน อย่างที่เป็นอยู่ก่อนหน้านี้ หลังจากวันนั้น เขาเริ่มซื้อสุรากินเอง เพื่อให้ลืมความทุกข์ ที่ถูกชาวบ้านหาว่าเอา อีสมทรง เมียของพ่อเป็นเมียของตัวเอง นานวันเข้า เขากลับเป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง แล้วตายในที่สุด ศพของเขาถูกเก็บไว้เพื่อเผาวันที่ทดลองเตาเผาอันใหม่ของวัด ซึ่งเป็นศพที่น่าสมเพชมาก เพราะนอกจากจะไม่มีใครมางานของฟัก เพื่อไว้อาลัยแล้ว ยังมาเพื่อมาดูเตาเผาใหม่ ไม่ใช่มางานของฟักอีกด้วย ส่วน อีสมทรง ถูกนำไปส่งโรงพยาบาลบ้าในเมือง และชาวบ้านก็ได้รู้ความจริงว่า อีสมทรง หนีออกมาจากโรงพยาบาลบ้าแห่งนี้นี่เอง


บทวิเคราะห์ร่วมกับปรัชญาอัตถิภาวะนิยม
        เมื่อเจ้าของบล็อคได้รวบรวมความคิดแล้วมาเล่าเรื่องย่อ กลับทำให้มีความคิดใหม่ขึ้นมาว่า "คำพิพากษา" ที่ผู้แต่งหมายถึง นั้นน่าจะสื่อถึงว่า ชาวบ้านเป็นผู้ตัดสินไอ้ฟัก (คือคนอื่นเค้าคิดได้นานแล้วเจ๊..) จากการเห็นว่า มันจน มันอยู่กระต็อบเดียวกับอีสมทรง มันต้องเอา อีสมทรง เป็นเมียแน่ๆ นี่คือสิ่งที่ผู้แต่งและผู้อ่านทั่วไปมองเห็น แต่ดิฉันกว่าจะมองเห็นตรงจุดนี้ก็ใช้เวลาอ่านจบไปหลายวัน เนื่องจากดิฉัน มองในมุมมองของปรัชญา อ่านจะใส่แว่นคนละอันกับผู้อ่านทั่วๆไป เลยคิดไปว่า ไอ้ฟักมันก็เลือกชีวิตของมันเองได้นี่หว่า มันอยากบวชเป็นพระ ทำไมมันไม่บวชวะ ก็ปล่อยอีสมทรง ทิ้งหัวไปเลยดิ แต่ในความเป็นจริง เราจะเอา ปรัชญามาใช้กับชีวิตจริงไม่ได้หรอก หรือว่าทำได้ แต่ทำยากนะ ถ้าจะปล่อยสิ่งมีชีวิตสิ่งหนึ่งที่ดูแลตัวเองไม่ได้ ปล่อยไปเหมือนหมู หมา แมว คือสัตว์ เนี่ย เดินผ่านไปบ้านไหน ก็ต้องมีคนรักสัตว์รับเลี้ยงมันไว้ แต่คนบ้า นี่มันพูดยากนะ ใครจะรับเลี้ยงคนบ้า คนหนึ่งชีวิตมันไม่ใช่ต้องใช้เงินในการดูแลอย่างเดียวนะ มันต้องใช้ใจในการดูแลด้วย ถ้าใครเป็นฟักก็คงตัดสินใจยากเช่นกัน แต่ถ้านำแนวคิดของนักปรัชญาเอ็กซิสต์มาใช้ คือ คุณมีเสรีภาพเต็มที่ในการเลือกที่จะทำอะไรก็ได้ แต่คุณต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนี้ ถ้าให้เปรียบเทียบก็คือ ถ้าฟักอยากบวชเป็นพระ ฟักก็มีเสรีภาพในการเลือกที่จะบวช แล้วทิ้ง อีสมทรง ไปเลย มันจะเป็นตายร้ายดี อย่างไรก็ช่างหัวมัน แต่ถ้าวันหนึ่งมีคนมาฆ่า ข่มขืน อีสมทรง ในกระต็อบ ฟักก็ต้องรับได้ ต้องยอมรับว่ามันเป็นกฎแห่งกรรมของ อีสมทรง ไม่ใช่ของฟัก ดังนั้นถึงได้บอกว่า ความคิดของนักปรัชญาน่ะมันใช้ได้ แต่มันทำยาก มันเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ที่ฟักจะไม่รับผิดชอบ อีสมทรง ก็ได้ เพราะอีสมทรงไม่ใช่แม่ฟัก แต่มองในด้านมนุษยชาติแล้ว เรื่องก็ต้องมาจบลงตามที่ฟักกระทำอยู่อย่างนั้นนั่นเอง ดังนั้นแปลความหมายได้ว่า ฟักไม่ใช่ไม่มีสิทธิ์เลือกนะ แต่ฟักไม่เลือกเอง ฟักมีทางออกตั้งหลายทางที่จะทำได้ แต่ฟักเลือกที่จะถูกชาวบ้านพิพากษาตนว่าเอาเมียพ่อ เพื่อที่จะต้องดูแลเลี้ยงดูอีสมทรงเรื่อยมานั่นเอง



The birth

สวัสดีค่ะ พึ่งสมัครสมาชิกใหม่วันนี้ เลยตั้งชื่อหัวข้อว่า The birth ซึ่งแสดงถึงการเกิดใหม่ของตัวเองที่ได้มีพื้นที่สำหรับการแสดงความคิดออกมา  เฮ้อ...กว่าจะสมัครได้ ค้นหาวิธีการอยู่นมนาน นานนม หลายสัปดาห์ จนเริ่มท้อแท้ใจ ว่าจะไม่สมัครซะแล้ว แต่ก็อึดอัด ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ระบายความรู้ และความคิด อะไรเลย ปกติเป็นสมาชิกอยู่ในพันทิป ก็โดนบล็อค อีก กะอีแค่ไปประกาศว่า ม.เกษตรเค้ารับสมัครอาจารย์อยู่แค่นี้ก็ต้องมาบล็อคกันด้วย เลยตัดสินใจมาสมัครบล็อคใหม่ดีกว่า พื้นที่เสรีที่ให้เราแสดงทัศนะและความคิดเห็นอย่างไรก็ได้ เย้..เย้..